จังหวัดตรัง นอกจากจะมีทะเลสวย เกาะงามหลายเกาะ ให้เราได้สัมผัสความสวยใส ของน้ำทะเลแล้ว เมืองตรังมีกิจกรรมอีกอย่างที่พลาดไม่ได้ คือ การได้เที่ยวชมวิถีชีวิตและย้อนรอยอดีตเมืองตรัง ซึ่งเราสามารถเดินเล่น ชมบรรยากาศตึกเก่าโบราณ ในย่านตัวเมือง เข้าถึงวัฒนธรรมการกินอันเลื่องชื่อ นอกจากนี้ไม่ไกลจากตัวเมือง ยังสามารถเที่ยวแบบตื่นเต้นผจญภัยได้ที่ ถ้ำเลเขากอบ ตบท้ายด้วยการย้อนร้อยอดีตชมสถานีรถไฟสุดคลาสสิค ได้ที่ อำเภอกันตัง ซึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวทั้งหมดนี้สามารถใช้เวลาท่องเที่ยวใน 1 วัน แบบสบาย ๆ ไม่ต้องเร่งรีบ
เริ่มจากตื่นแต่เช้าด้วยการกินแบบตรัง อาหารมื้อเช้าอันเลื่องชื่อของเมืองตรัง แน่นอนค่ะ หมูย่าง ติ่มซำ ฮะเก๋า ซาลาเปา โรตี กับชาร้อนๆ ร้านในเมืองตรังก็มีให้เราได้เลือกหลากหลายร้าน ทั้งนั่งทานแบบย้อนยุคคลาสสิค หรือร้านที่ตกแต่งแบบโมเดิรน์ขึ้นมาอีกหน่อย เราแวะไปทานอาหารเช้ากันที่ร้านนี้ ร้าน เลตรัง อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก มีคนแนะนำมาว่าอร่อยเลยลองมาทาน บรรยากาศภายในร้านก็สะอาดน่านั่ง
ร้านมีเมนูหลากหลาย อยากทานติ่มซำก็เดินออกมาเลือกข้างนอก หลังจากเลือกแล้วพนักงานก็จะเอาเข้าเตานึ่งกันให้ทานแบบร้อน เสริฟ์ถึงโต๊ะรสชาติ ถือว่าอร่อยในระดับกลาง แต่ที่เด็ดของร้านนี้ คือ น้ำจิ้ม ที่ช่วยเพิ่มรสชสติของติ่มซำ ให้อร่อยยิ่งขึ้น รู้มาว่าชาวตรังค่อนข้างให้ความสำคัญกับการกินมากค่ะ เรียกว่ากลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนเมืองตรัง โดยเฉพาะอาหารเลื่องชื่อหมูย่างเมืองตรัง เคยมาเที่ยวตรังเมื่อนานแล้วได้ลองลิ้มรสดู กรอบอร่อย สมคำร่ำลือ
อิ่มแบบตรังแล้ว ก็มาเที่ยวชมตึกเก่าภายในเมือง บ้าง ลักษณะของตึกจะเป็นตึกในรูปแบบชิโนโปรตุกิส คล้ายกับเมืองภูเก็ต แต่อาจมีไม่เยอะเท่า การเดินเที่ยวชมตึกเก่าสามารถเริ่มได้จาก สถานีรถไฟเมืองตรัง ในละแวกนั้นจะมีตลาดสด โรงแรมศรีตรังโรงแรมเก่าแก่ของตรัง เดินไปเรื่อยๆ ลัดเลาะไปตามถนน ถ. ราชดำเนิน ถ. กันตัง และ ถ. พระรามหก ก็จะพบเห็นตึกเก่าซ่อนตัวอยู่เป็นระยะ
หรือหากใครไม่ชอบเดิน อยากเที่ยวเมืองตรังให้ได้อรรถรสและเข้าบรรยากาศยิ่งขึ้น สามารถเหมารถตุ๊ก ตุ๊ก หัวกบ เที่ยวรอบเมือง เป็นรถตุ๊ก ตุ๊กที่พบเห็นได้เพียงหนึ่งเดียวในเมืองตรังเท่านั้น เรียกว่ากลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตรังเลยทีเดียว รถตุ๊ก ตุ๊ก จะจอดรอผู้โดยสารให้เห็นหลายคันหน่อยก็ตรงบริเวณหน้า สถานีรถไฟเมืองตรัง สนนราคาแล้วแต่ตกลงว่าจะไปตรงจุดไหนบ้าง โปรแกรมท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะแวะ สถานีรถไฟตรัง ชมตึกเก่าชิโนโปรตุกีส หอนาฬิกา ศาลากลางจังหวัดตรัง บ้านนายชวน หลีกภัย ลานวัฒนธรรม ศุนย์จำหน่ายสินค้าโอทอป วัดท่าจีน แม่น้ำตรัง ราคาจอยู่ที่ 200 – 600 บาทแล้วแต่ระยะทางและจำนวนสถานที่
ถนนที่มีตึกเก่า โบราณ หนาแน่นให้เราได้ชมมากที่สุด คงเป็น ถนนเส้นนี้ค่ะ ถนนกันตัง
เดินข้ามถนนกันตัง ข้ามไปยังซอยฝั่งตรงข้ามกันเพื่อไปชม โบสต์คริสต์ เมืองตรัง ถือเป็นโบสถ์คริสต์ที่มีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจากโบสถ์คริสต์ที่เคยเห็นมา ดูคลาสิค สีสันสดใส
เดินออกมาหน้าโบสค์คริสต์ ก็ยังมีตึกเก่าให้เราได้เห็นอยู่
โบกมอเตอร์ไซต์เพื่อจะให้ไปส่งยังคิวรถตู้ เตรียมเดินทางไปถ้ำเลเขากอบ เพราะรู้มาว่ามีรถตู้โดยสารไปถึง แต่ได้รับคำตอบจากมอเตอร์ไซต์ว่า นู้นไงหนู เดินไปก็ถึง คิวรถตู้อยู่เลย โบสต์คริสต์ตรัง ไปนิดเดียวเองค่ะ เป็นรถตู้โดยสารตรัง – ห้วยยอด ซึ่ง ถ้ำเลเขากอบ จะตั้งอยู่ในอำเภอห้วยยอดค่ะ ขึ้นรถจับจองที่นั่งจ่ายเงินค่าโดยสารคนละ 60 บาท เท่านั้น บอกคนขับลงถ้ำเลเขากอบ คนขับใจดีไปส่งถึงปากทางเข้าถ้ำ ระยะทางจากเมืองตรังไปถ้ำเลเขากอบก็ใกล้นิดเดียวประมาณ 30 กิโล ใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น หลังจากไปถึงหน้าบริเวณทางเข้าแล้ว ก็เดินไปยังจุดจอดเรือ เที่ยวถ้ำเลเขากอบ ต้องนั่งเรือพายแบบนี้ค่ะ ค่าเรือลำละ 300 บาท นั่งได้ เต็มที่ 5 คน
ถ้ำเลเขากอบ ต้องใช้เรือล่องตามลำน้ำเข้าไปข้างใน เพื่อ ไปชมหินงอกหินย้อยอันงดงาม มีโถงถ้ำมากมายหลายถ้ำ แต่ปัจจุบันนี้ เปิดให้บริการท่องเที่ยวเพียง 5 ถ้ำเท่านั้น ได้แก่ ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำท้องพระโรง ถ้ำรากไทร ถ้ำเจ้าสาว ถ้ำลอด หรือ ถ้ำมังกร โดยเรือจะเริ่มล่องไปตามน้ำและจอดหน้าถ้ำแต่ละถ้ำ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปชมแล้วก็ล่องเรือไปยังถ้ำต่อๆไป ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเที่ยวชมถ้ำ
หลังจากลุ้นให้ออกมาจากใต้ท้องมังกรของถ้ำเลเขากอบ ได้เรียบร้อยแล้ว ก็อาศัยรถมอเตอร์ไซต์ของเจ้าหน้าที่ออกมา ตรงบริเวณสี่แยกของถนนห้วยยอดเพื่อ ต่อรถโดยสารของภูเก็ตที่จะจอดรับส่งผู้โดยสารบริเวณนี้เข้าเมืองตรังจากนั้น ต่อรถตู้กันตัง ซึ่งจอดอยู่อยู่หน้าสถานีรถไฟไปยังอำเภอกันตังค่ะ เพื่อไปชมสถานีรถไฟเก่าแก่ของจังหวัดตรัง สถานีรถไฟกันตัง ดูเหมือนจะต่อรถหลายต่อ แต่สะดวกมากค่ะ ที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่สูงด้วย ดีกว่าเหมารถเป็นไหนๆค่ะ
สถานีรถไฟกันตัง เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยาทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ด้านหน้ามีมุขยื่นประดับมุมเสาด้วยลวดลายไม้ฉลุ ประตูบานเฟี้ยมแบบเก่า คงเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้ว
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก https://www.paiduaykan.com/travel/traveltrang